วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

18 st recording,Tuesday,May 1 ,2018

ความรู้ที่ได้รับ



   เด็กปฐมวัย มาจากคำภาษาอักฤษคำว่า Young Children หมายถึง เด็กที่อยู่ช่วงวัยแรกเกิดถึง8ปี หรือช่วงปฐมวัย(Early childhood)  ซึ่งจะแตกต่างกันไปแต่ในช่วงอายุ
วัยเตาะแตะ  ช่วงอายุ 0-3ปี
วัยก่อนเข้าเรียน ช่วงอายุ 3-5 ปี
วัยอนุบาล ช่วงอายุ 5-6 ปี
ชั้นประถม ช่วงอายุ 6-8 ปี

   ความหมายของหลักสูตร
หลักสูตรคือการวางแผนสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นในการเรียน อาจอยู่ในรูปที่มองเห็นคือหลักสูตร และสิ่งที่มองไม่เห็น ปฏิสัมพันธ์


ความสำคัญของหลักสูตร
1.เป็นเอกสารทางราชการ
2.เป็นเกณฑ์มาตรฐานทางการศึกษาปฐมวัย
3.เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างเอกภาพของชาติ
4.เป็นแผนดำเนินงานของผู้บริหารสถานศึกษา
5.เป็นเครื่องชี้นำทางในการปฎิบัติงานของครูปฐมวัย
6.เป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์

ลักษณะของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
1.เป็นเอกภาพ
2.มีความยืดหยุ่น(ปรับเปลี่ยนได้)
3.มีความเป็นสากลบนพื้นฐานความเป็นไทย
4.กำหนดช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิด - 6ปีบริบูรณ์

จุดเน้นของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
1.พัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม(พัฒนาทั้ง 4 ด้าน ให้มีความสมดุลกัน
2.ยึดเด็กเป็นสำคัญ(ให้เด็กมีส่วนร่วม)
3.เรียนรู้ด้วยการลงมือกระทำ
4.บูรณาการผ่านการเล่นและประสบการณ์สำคัญ








vocabulary
The Infant and Toddler Years วัยทารก วัยเตาะแตะ
The Preschool Years วัยก่อนเข้าโรงเรียน 
The Kindergarten Years วัยอนุบาล
The Primary Grades ชั้นประถม
Early childhood ปฐมวัย

ทักษะ เรียนรู้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยปี 2560 จาก รศ.พัชรี ผลโยธิน 

การประยุกต์ 
นำหลักสูตรไปเป็นแนวทางในการเขียนแผน

ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียนค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจเรียนค่ะ
ประเมินอาจารย์ อาจารย์คอยอธิบายเพิ่มจากเนื้อหาที่มีทำให้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ
บรรยากาศ เนื่องจากเรียนรวมกันทำให้ต้องใช้ห้องที่ใหญ่ขึ้น คนข้างหลังจึงมองไม่ค่อยเห็นค่ะ 




17 st st recording,Monday,April 30 ,2018

ความรู้ที่ได้รับ

-อาจารย์อธิบายความแตกต่างระหว่างหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยปี2546และปี2560
1.ทักษะในศตวรรษที่ 21
2.ไทยแลนด์ 4.0
3.การร่วมมือร่วมใจ
4.การคิดสร้างสรรค์
5.ความสามารถในการแก้ไขปัญหาการคิด
-พัฒนาการของเด็ก การทำงานของสมอง การใช้ประสามสัมผัสทั้ง5 โดยการซึมซับและเปลี่ยนแปลง
-การจัดกิจกรรมของเพียเจท์ให้สอดคล้องกับการทำงานของสมองคือ ให้เด้กลงมือกระทำ(Active Learning)
-EF คือการทำงานของสมองส่วนหน้า
-เขียนแผนต้อง เลือกหน่วยที่ 
1.ใกล้ตัวเด็ก  
2.มีผลกระทบกับเด็ก
-เขียนแผนให้สอดคล้องกับหลักสูตร
-นำหน่วยมาวิเคราะห์ ว่าเด็กได้รับอะไรบ้าง
-ประสบการณ์สำคัญมีอะไรบ้าง
-บูรณาการอย่างไรได้บ้าง
-ขั้นนำต้องหาเทคนิคให้การควบคุมชั้นเรียนได้แก่ เพลง เกม คำคล้องจอง

vocabulary
Active Learning  เรียนรู้โดยลงมือกระทำ
Creative thinking  คิดสร้างสารรค์
Thailand ประเทศไทย
Collaboration หารร่วมมือ
evolution พัฒนาการ
ทักษะ
1.ได้เรียนรุ้ความแตกต่างระหว่าง 2หลักสูตร
2.นำหลักสูตรมาใช้ในการเขียนแผน

ประยุกต์
นำไปเขียนแผนการสอนในอนาคต

ประเมินตนเอง เนื่องจากวันนี้เข้าเรียนช้าจึงได้รับความรู้ไม่ทันเพื่อนๆ
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจในการเรียนเป็นอย่างดีค่ะ
ประเมินอาจารย์ อ.แต่งตัวสุภาพ มีทคนิคมาแนะนำให้นักศึกษาเสมอๆ และ อธิบายเนื้อหาได้เข้าใจค่ะ
บรรยากาศในห้อง เป็นไปอย่างสงบและเรียบร้อยค่ะ

16 st st recording,Monday,April 23 ,2018

ไม่มีการเรียนการสอน เรียนชดเชย 1 พ.ค. 2561

15 st recording,Monday,April 16 ,2018

หยุดเทศกาลสงกรานต์


14 st recording,Monday,April 9 ,2018

   ไม่มีการเรียนการสอนหเนื่องจากหยุดสงกรานต์

13 st recording,Wenday,April 4 ,2018

ความรู้ที่ได้รับ

วันนี้แต่ละกลุ่มสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ ของวันพุธ วันพฤหัสบดี และวันศุกร์

กลุ่มที่1 หน่วยแหล่งน้ำ
ขั้นนำ
1.ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลงเกษตรกรไทย
2.ครูถามเกี่ยวกับเพลงว่ามีอาชีพอะไรบ้าง
ขั้นสอน
1.ครูนำรูปภาพอาชีพและการคมนาคมต่างๆให้เด็กดูพร้อมอธิบาย
2.ครูให้เด็กนำภาพไปติดลงแผ่นชาร์ตประโยชน์ของแหล่งน้ำ ด้านการคมนาคมและอาชีพ
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปร่วมกัน


กลุ่มที่ 2 หน่วยฝนจ๋า (วันศุกร์)
ขั้นนำ
1.ครูและเด็กร่วมกันอ่านคำคล้องจองฝน 
2.ครูถามเด็กเกี่ยวกับเพลง 
3.ถามประสบการณ์เดิมเด็ก 
ขั้นสอน
1.ครูให้เด็กดูรูปฝนตกและรูปฟ้าผ่า
2.ครูนำรูปที่ครวปฏิบัติ กับไม่ควรปฏิบัติมาให้เด็กดู
3.ครูให้เด็กติดติดรูปลงแผ่นชาร์ต
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปร่วมกัน



กลุ่มที่ 3 หน่วยฝนจ๋า (วันพุธ)
ขั้นนำ
1.ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลง ฝนตก 
2.ครูถามเกี่ยวกับในเพลง
ขั้นสอน 
1.ครูนำรูปไข้หวัดมาให้เด็กดูแล้วถามสิ่งที่เห็นในรูป
2.ครูก็อธิบายเสริมจากภาพ 
3.ครูเอารูปอาการและการดูแลรักษาให้เด็กดู
ขั้นสรุป
ครูและเด็กร่วมกันสรุป



vocabulary
Communication  การคมนาคม
Lightning  ฟ้าผ่า
cold  ไข้หวัด
image ภาพ
Thursday วันพฤหัสบดี

ทักษะ วิธีการสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์

ประยุกต์ ใช้เป็นแนวการสอนในอนาคต

ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียนค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใและให้ความร่วมมีค่ะ
ประเมินอาจารย์ อ.อธิบายเพิ่มเติ่มทำให้เข้าใจมากขึ้น
บรรยากาศภายในห้อง สนุกสนานค่ะ



12 st recording,Monday,April 2 ,2018

ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้เป็นกิจกรรมการสอนเสริมประสบการณ์ ของวัน พุธ วันพฤหัสบดี และวันศุกร์

กลุ่มที่ 1 หน่วยผีเสื้อ 
 ขั้นนำ
ครูและเด็กอ่านคำคล้องจองผีเสื้อ
ขั้นสอน
1.ครูอธิบายการดำรงชีวิตของผีเสื้อ โดยใช้แผ่นชาร์ทการดำรงชีวิต
2.ครูให้เด็กสังเกตรูปการดำรวชีวิตของผีเสื้อ คือ แสงแดด ดูดน้ำหวาน ดูดน้ำจากดิน สวนดอกไม้ ลำธาร
3.ครูให้เด็กนำภาพไปติดลงในแผ่นชาร์ต
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปพร้อมกัน


กลุ่มที่ 2 หน่วยของเล่นของใช้ 
ขั้นนำ
ครูนำภาพตัดต่อมาให้เด็กออกไปทำกิจกรรม
ขั้นสอน
ครูสาธิตการการดูแลของใช้พร้อมให้เด็กออกไปช่วยทำกิจกรรม
ขั้นสรุป
ครูสรุปและถามเด็กเกี่ยวกับการดูแลรักษาของเล่นของใช้


กลุ่มที่ 3 หน่วยยานพาหนะ 
ขั้นนำ
ครูและเด็กอ่านคำคล้องจองปลอดภัยไว้ก่อน
ขั้นสอน
ครูนำรูปยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุติดบนแผ่นชาร์ทได้แก่ รถยนต์ เรือ และรถจักรยาน พร้อมอธิบายข้อควรปฏิบัติ
ขั้นสรุป
สรุปร่วมกันระหว่างครูและเด็ก


กลุ่มที่ 4 หน่วยร่างกาย
ขั้นนำ
ครูทายปริศนาคำทายเกี่ยวกับอวัยวะ
ขั้นสอน
1.ครูนำแผ่นชาร์ตประโยชน์ของอวัยวะมาให้เด็กสังเกต
2.ให้เด็กตัวแทนเด็กออกมาเลือกรูปภาพไปติดในตาราง
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปพร้อมกัน


กลุ่มที่ 5 หน่วยแหล่งน้ำ
ขั้นนำ
1.ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลงอาบน้ำ
2.ครูถามเด็กเกี่ยวกับเพลงที่ร้อง
ขั้นสอน
1.ครูนำภาพแหล่งน้ำที่มีประโยนช์ต่อการอุปโภคและบริโภคให้เด็กดู
2.ครูให้เด็กเลือกรูปภาพไปติดบนแผ่นชาร์ต
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปร่วมกัน


กลุ่มที่ 6 หน่วยฝนจ๋า 
ขั้นนำ
ครูและเด็กร่วมกันท่องคำคล้องจองโรคที่เกิดในฤดูฝน

เนื่องจากโรคที่นำมาไกลตัวเด็ก อาจารย์จึงแนะนำให้สอนโรคที่ใกล้ตัวเด็ก


กลุ่มที่ 7 หน่วยไข่ 
ขั้นนำ
ครูและเด็กท่องคำคล้องจอง ขไข่กลมมน
ขั้นสอน
ครูสอนเด็กทำไข่เค็ม
1.ครูบอกวัตถุดิบการทำไข่เค็ม
2.ครูอธิบายวิธีการดองไข่เค็ม
3.ครูสาธิตวิธีการดองไข่เค็มโดยให้ตัวแทนเด็กออกมาช่วยดองไข่เค็ม
ขั้นสรุป
เมื่อดองไข่เรียบร้อยแล้วครูได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาในการดองไข่




vocabulary
stream  ลำธาร
accident  อุบัติเหตุ
Consume  บริโภค
egg ไข่
teacher ครู

ทักษะ วิธีทำสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ และวิธีการของดองไข่

ประยุกต์ นำวิธีการไปสอนในอนาคต

ประเมินตนเอง ตั้งใจทำกิจกรรมและให้ความร่วมมือค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจทำกิจกรรมและตั้งใจสอน เพื่อนให้ความร่วมมือกันเป้นอย่างดีค่ะ
ประเมินอาจารย์ อ.คอยอธิบายเพิ่มเติมทำให้เข้าใจง่ายค่ะ
บรรยายกาศ มีความสนุกสนานและรวดเร็วในการสอนค่ะ

11 st recording,Monday,March 26,2018

ความรู้ที่ได้รับ
แต่ละกลุ่มสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ ของวันพุธ วันพฤหัสบดี และวันศุกร์

กลุ่มที่1หน่วยผีเสื้อ
ขั้นนำ
ครูและเด็กร่วมกันอ่านคำคล้องจองผีเสื้อ
ขั้นสอน
1.ครูนำวงจรผีเสื้อให้เด็กสังเกต
2.ตรูให้เด็กนำรูปมาติดเป็นวงจรชีวิตของผีเสื้อ
ขั้นสรุป
ครูและเด้กร่วมกันทวบทวนวงจรชีวิตของผีเสื้อ

 

กลุ่มที่2 หน่วยยานพาหนะ
ขั้นนำ
ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลงล้างรถ
ขั้นสอน
1.ครูให้เด็กสังเกตอุปกรณ์ทำความสะอาดรถ
2.ครูให้เด็กนำรูปภาพอุปกรณ์ล้างรถไปติดลงแผ่นชาร์ต
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปร่วมกัน


กลุ่มที่3 หน่วยแหล่งน้ำ 
ขั้นนำ
1.ครูนำภาพตัดต่อแหล่งน้ำมาให้เด็กทำกิจกรรม
ขั้นสอน
2.ให้เด็กสังเกตผลเสียจากแหล่งน้ำโดยมุนษย์สร้างขึ้นและจากธรรมชาติ
3.ครูให้เด็กนำภาพมาติดและครูบันทึกลงในแผ่นชาร์ต
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปร่วมกัน


กลุ่มที่ 4 หน่วยของเล่นของใช้
ขั้นนำ
ครูและเด็กอ่านคำคล้องจองประโยชน์และข้อควรระวังของของเล่น
ขั้นสอน
1.ครูนำกรรไกร และส้อม ของจริงและของเล่นมาให้เด็กดู
2.ครูนำรูปมาให้เด็กดู
3ครูให้เด็กนำรูปมาติดแล้วเขียนลงในแผ่นชาร์ต
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปร่วมกัน


กลุ่มที่ 5 หน่วยฝนจ๋า
ขั้นนำ
ครูและเด็กร่วมกันอ่านคำคล้องจอง ฝนตกจักจัก
ขั้นสอน
1.ครูนำภาพให้เด็กดูและอธิบายประโยชน์และโทษของฝน
2.ครูให้เด็กนำภาพไปติด
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปร่วมกัน



กลุ่มที่ 6 หน่วยตัวเรา
ขั้นนำ
ครูใช้เพลงฉันรักร่างกายของฉัน
ขั้นสอน
1.ครูสอนวิธีรักษาความสะอาดของร่างกาย ได้แก่ อาบน้ำ สระผม แปรงฟัน ล้างมือ ตัดเล็บ
2.ครูบันทึกลงในแผ่นชาร์ต
3.ครูแจกเจลสำหรับล้างมือพร้อมสอนวิธีการล้างมือที่ถูกต้อง
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปร่วมกัน


กลุ่มที่ 7 หน่วยไข่  ทำCooking ไข่พระอาทิตย์
ขั้นนำ
1.ครูบอกวัตถุดิบของการทำไข่พระอาทิตย์
2.ครูบอกขั้นตอนการทำ และให้เด็กออกไปช่วยสาธิต
3.ครูแบ่งกลุ่ม3 กลุ่ม คือ 1.ตักข้าวและซอส 2.ตักผัก 3.ผสมไข่
4.เมื่อเด็กเวียนจนครบทุกกลุ่มครูนำไข่ของเด็กมารวมกันแล้วนำไปทอด
5.เด็กๆชิมไข่ที่เด็กๆเป็นคนปรุง
ขั้นสรุป
ครูถามเกี่ยวกับไข่ที่เด็กชิม




.

vocabulary
Life cycle of butterflies วงจรชีวิตของผีเสื้อ

nature ธรรมชาติ

Cooking ทำอาหาร

brush the teeth แปรงฟัน

Mix ผสม

ทักษะ วิธีการสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์วันพุธ พฤหัสบดี และ ศุกร์

ประยุกต์ ใช้ในการสอน

ประเมินตนเอง ตั้งใจทำกิจกรรมค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจสอนและตั้งใจทำกิจกรรม
ประเมินอาจารย์ อ.อธิบายเพิ่มเติมทำให้เข้าใจมากขึ้น
บรรยากาศในห้อง เป็นไปอย่างสนุกสนาน


10 st recording ,Monday,March 19,2018

ความรู้ที่ได้รับ
แต่ละกลุ่มสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ โดยเป็นการสอนของวันอังคาร

กลุ่มที่ 1 หน่วยฝนจ๋า
ขั้นนำ 
ครูสอนร้องเพลง  ฝนตก 
*อาจารย์แนะนำให้ร้องเพลง ฟ้าแล่บ 
ขั้นสอน
 ทดลองการเกิดรุ้งกินน้ำ
ขั้นสรุป
ครูและเด็กร่วมกันทบทวนเนื้อหา


กลุ่มที่ 2 หน่วยตัวเรา 
-ขั้นนำ 
1.ครูเล่านิทาน เรื่อง ร่างกายของหนู
2.ครูถามเกี่ยวกับนิทาน
ขั้นสอน 
ครูถามเด็กเกี่ยวกับลักษณะของอวัยวะ แล้วเขียนลงไปในแผ่นชาร์ต
ขั้นสรุป 
ครูและเด็กร่วมกันทบทวนลักษณะของอวัยวะและตำแหน่งของอวัยวะบนใบหน้า


กลุ่มที่ 3 หน่วยไข่ 
ขั้นนำ
1.ครูและเด็กร่วมกันอ่าคำคล้องจอง ลักษณะไข่
2.ครูถามเด้กเกี่ยวกับคำคล้องจอง
ขั้นสอน 
ครูและเด็กเปรียบเทียบความเหมือนต่างของไข่เป็ดและไข่ไก่
ขั้นสรุป   
ครูและเด็กร่วมกันสรุปความเหมือนต่างของไข่เป็ดและไข่ไก่


กลุ่มที่ 4 หน่วยยานพาหนะ
ขั้นนำ
ครูสอนร้องเพลง 
ขั้นสอน
1.ครูให้เด็กฟังเสียงยานพาหนะ มีเครื่องบิน เรือ รถยนต์ 
2.ครูอธิบายส่วนประกอบต่างๆของยานพาหนะ โดยมี สี ขนาด รูปทรง
3.ครูถามเกี่ยวกับลักษณะของยานพาหนะแล้วนำไปเขียนลงแผ่นชาร์ต
ขั้นสรุป
ครูกับเด็กสรุปร่วมกัน


กลุ่มที่ 5 หน่วยผีเสื้อแสนสวย
ขั้นนำ
ครูสอนร้องเพลง ผีเสื้อแสนงาม
ขั้นสอน 
1.ครูให้เด็กดูรูปผีเสื้อกลางวันและกลางคืน
2.ครูให้เด็กดูแผ่นชาร์ตลักษณะของผีเสื้อ คือ สี ขนาด รูปร่าง ส่วนประกอบ แล้วให้เด็กตอบ
3.นำคำตอบมาเขียนในตารางปรียบเทียบ 
ขั้นสรุป
ครูและเด็กสรุปร่วมกัน 



กลุ่มที่ 6 หน่วย ของเล่นของใช้
ขั้นนำ
1.ครูสอนคำคล้องจอง  ของเล่นของใช้ 
2.ถามเกี่ยวกับคำคล้องจองว่ามีของเล่นของใช้อะไรบ้าง
ขั้นสอน 
1.ครูนำมีดจริงและมีดของเล่นมาให้เด็กสังเกต
2.ครูถามลักษณะถามลักษณะ
3.ครูทำตารางเปรียบเทียบ
ขั้นสรุป
 ครูและเด็กสรุปร่วมกัน



กลุ่มที่ 7 หน่วย แหล่งน้ำ
ขั้นนำ 
1.ครูและเด็กร่วมกันอ่านคำคล้องจอง การดูแลรักษาน้ำ
 2.ครูถามประสบการณ์เดิมของเด็กเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นในแหล่งน้ำ
ขั้นสอน  
1.ครูนำรูปสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำมาให้เด็กสังเกต
2.ครูให้ตัวแทนเด็กนำรูปไปติดในแผ่นชาร์ต
ขั้นสรุป
ครูและเด็กร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการดูแลรักษาแหล่งน้ำ


vocabulary
vehicle ยานพาหนะ
Size ขนาด
ingredient ส่วนประกอบ
answer ตอบ
shape  รูปทรง

ทักษะที่ได้
1.แนวการสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ ของวันอังคาร

ประยุกต์
นำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ วันอังคาร

ประเมินตนเอง ตั้งใจดุเพื่อนสอนกิจกรรมค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนคนที่สอนตั้งใจสอนและเพื่อนที่ฟังก็ตั้งใจฟังและให้การร่วมมือเป้นอย่างดีค่ะ
ประเมินอาจารย์ อ.คอยชี้แนะวิธีการสอนทำให้ได้ความรู้มากยิ่งขึ่นค่ะ
บรรยากาศในห้อง เพื่อนตั้งใจเรียนทำให้การสอนเป้นไปอย่างรวดเร็วและสนุกค่ะ

9 st ,recording,Monday, March 12,2018

ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้แต่ละกลุ่มสอนกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ของวันจันทร์

กลุ่มที่1 หน่วยตัวเรา
-ขั้นนำ ครูให้เด็กก้าวชิดก้าวไปตามจังหวะที่ครูกำหนด
-ขั้นสอน ครูให้เด็กทำกิจกรรมผู้นำผู้ตาม โดยเลือกตัวแทนเด้กออกไปทำท่าาทาง ให้ เพื่อนๆทำตาม
-ขั้นสรุป ผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อโดยการนวดส่วนต่างๆของร่างกาย


กลุ่มที่2 หน่วยผีเสื้อแสนงาม
-ขั้นนำ ครูให้เด็กเดินรอบๆห้องตามจังหวะที่ครูกำหนด
-ขั้นสอน ครูให้เด็กวิ่งไปตามมุมที่ครูกำหนด
-ขั้นสรุป ผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อด้วยการนวด


กลุ่มที่3 หน่วยของเล่นของใช้
-ขั้นนำ ครูให้เด็กเคลื่อนไหวตามจังหวะที่ครูกำหนด
-ขั้นสอน ครูให้เด็กดูภาพของเล่นของใช้แล้วทำท่าทางประกอบให้สอดคล้องกับภาพ
-ขั้นสรุป ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ


กลุ่มที่4 หน่วยฝนจ๋า
-ขั้นนำ ครูให้เด็กเคลือนไวด้วยส้นเท้าตามจังหวะที่ครูกำหนด
-ขั้นสอน เคลื่อไหวตามคำบรรยายโดยให้เด็กจินตนาการว่าตนเองเป็นก้อนเมฆ
-ขั้นสรุป พักคลายกล้ามเนื้อ


กลุ่มที่5 หน่วยแหล่งน้ำ
-ขั้นนำ ครูให้เด็กเคลื่อนไหวดดยสไลด์ตัวไปข้างๆ (ก้าวชิดก้าวไปทางด้านข้าง) ตามจังหวะที่ครูกำหนด
-ขั้นสอน ครูให้เด็กร้องเพลงดอ้ทะเลอแสนงาม โดยแบ่งกลุ่มเป็น 3กลุ่ม กลุ่มที่1 ร้องเพลง กลุ่มที่2เต้น กลุ่มที่3ให้จังหวะ เปลี่ยนกลุ่มทำจนครบ
-ขั้นสรุป พักคล้ายกล้ามเนื้อ 


กลุ่มที่6 หน่วยยานพาหนะ
ขั้นนำ ครูให้เด้กเคลื่อนไหวตามจังหวะที่ครูกำหนด
ขั้นสอน ครุกำหนดมุมต่างๆเป็นยานพาหนะแล้วให้เด็กๆเคลื่อนไหวไปตามมุม
ขั้นสรุป ครูให้เด็กพักคล้ายกล้ามเนื้อ


กลุ่มที่7 หน่วยไข่
ขั้นนำเคลื่อนไหวตามจังหวะที่ครูกำหนด
ขั้นสอน เคลื่อไหวสัมพันธ์กับเนื้อหาของหน่วยไข่
ขั้นสรุป พักคล้ายกล้ามเนื้อ


vocabulary
Monday วันจันทร์
massage นวด
body ร่างกาย
move เคลื่อนไหว
dance เต้น 

ทักษะ  ได้รู้วิธีการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ 

ประยุกต์ นำวิธีการสอนไปใช้ในอนาคต

ประเมินตนเอง ยังสอนไม่ค่อยได้ ต้องฝึกให้มากกว่านี้
ประเมินเพื่อน เพื่อนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ประเมินอาจารย์ อาจารยืให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะ 
บรรยากาสภายในห้อง  เป็นไปอย่างสนุกสนานแต่ผู้ที่สอนกิจจรมอาจมีกังวลบ้างเล้กน้อย

8st recording,Monday,March 5, 2018

ความรู้ที่ได้รับ
- เรียนเรื่องหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยปี2560 
-การพัฒนาเด้กจะต้องพัฒนาให้ครบทุกด้าน ได้แก่ ร่างกาย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา


การเรียนแบบบูรณาการ มี6กิจกรรมหลักได้แก่ 
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 6 กิจกรรมหลัก
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 6 กิจกรรมหลัก
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 6 กิจกรรมหลัก

เขียนแผน กิจกรรม เคลื่อนไหวและจังหวะ

กิจกรรมเคลื่อนไหวจังหวะ
    การเคลื่อนไหวจังหวะ เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้เคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายอย่างอิสระตาม จังหวะ โดยใช้เสียงเพลงคำคล้องจองการปฏิบัติตามสัญญาณ ซึ่งจังหวะและดนตรีที่ใช้ประกอบได้แก่ เสียงตบมือเสียงเพลง เสียงเคาะไม้ เคาะเหล็ก ตีฉิ่ง กลอง ระนาด ฯลฯ มาประกอบการเคลื่อนไหวเพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิดจินตนาการความคิกสร้างสรรค์ เด็กวัยนี้ร่างกายกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาใช้ส่วนต่างๆ ร่างกายยังคงมาผสมผสาน หรือประสานสัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์มากนัก การเคลื่อนไหวร่างกายของเด็กอาจยังดูไม่มั่นคง

การเคลื่อนไหวมีลักษณะ ดังนี้
1. ช้า ได้แก่  การคืบ คลาน                                      
2. เร็ว ได้แก่  การวิ่ง                        
3. นุ่มนวล  ได้แก่  การไหว้  การบิน                            
4. ขึงขัง   ได้แก่  การกระทืบเท้าดังๆ  ตีกลองดังๆ
5. ร่าเริงมีความสุข  ได้แก่  การตบมือ  การหัวเราะ         
6. เศร้าโศกเสียใจ  ได้แก่  สีหน้า  ท่าทาง ฯลฯ

ทิศทางการเคลื่อนไหว
1. เคลื่อนไหวไปข้างหน้า  และข้างหลัง                       
2. เคลื่อนไหวไปข้างซ้าย และข้างขวา
3. เคลื่อนตัวขึ้นลง                                                 
4. เคลื่อนไหวรอบทิศ

รูปแบบการเคลื่อนไหว
  1. เคลื่อนไหวพื้นฐานได้แก่ การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของเด็กมี 2 ประเภท
1.1   เคลื่อนไหวอยู่กับที่ ได้แก่ ตบมือ ผงกศีรษะ  ขยิบตา ชันเขา เคาะเท้า เคลื่อนไหวมือและแขน มือและนิ้ว เท้าและปลายเท้า
1.2   การเคลื่อนไหวเคลื่อนที่  ได้แก่  คลาน คืบ เดิน วิ่ง  กระโดด ควบม้า
ก้าวกระโดด
  2. การเลียนแบบมี 4 ประเภท
2.1 เลียบแบบท่าทางสัตว์
2.2 เลียบแบบท่าทางคน
2.3 เลียนแบบเครื่องยนต์กลไกล และ เครื่องเล่น
2.4 เลียนแบบปรากฏการณ์ธรรมชาติ
    3. การเคลื่อนไหวตามบทเพลง ได้แก่ การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทางประกอบเพลง เช่น เพลง ข.ไข่ หรือเพลงตามสมัยนิยม เป็นต้น
    4. การทำท่าทางกายบริหารประกอบเพลง ได้แก่  การทำท่าทางกายบริหารตามจังหวะและประกอบเพลง หรือคำคล้องจ้อง
    5. การเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์ ท่าทางขึ้นเองอาจชี้นำโดยการป้อนคำถามเคลื่อนไหวโดยใช้อุปกรณ์ประกอบ เช่น ห่วงยาง แถบผ้า บัตรคำ ริบบิ้น ฯลฯ
    6. การเล่นหรือการทำท่าทางตามคำบรรยาย เรื่องราว ได้แก่ การเคลื่อนไหวหรือแสดงท่าทางตามจินตนาการจากเรื่องราวหรือคำบรรยายที่ผู้สอน เล่า
    7. การปฏิบัติตามคำสั่ง หรือข้อตกลงได้แก่ การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทาง ตามสัญญาณตามคำสั่งตามที่ตกลงไว้ก่อนเริ่มกิจกรรม
    8. การฝึกท่าทางเป็นผู้นำ ผู้ตามได้แก่ การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทางจากความคิดสร้างสรรค์ของเด็กเองแล้วให้เพื่อนปฏิบัติตามกิจกรรม

vocabulary
run วิ่ง
jump กระโดด
Clap ตบมือ
song เพลง
leader ผู้นำ

ทักษะ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนแผนกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ

ประยุกต์ นำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการเขียนแผนการสอนกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะค่ะ

ประเมินตนเอง ตั้งใจฟังในเรื่องของการทำแผนค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจเรียนค่ะ
ประเมินอาจารย์ อาจารย์สอนเข้าใจ และละเอียดครบถ้วนค่ะ

7st recording ,Monday,February 26,2018

สอบกลางภาคค่ะ

6 st recording,Monday,February 19,2018

อาจารย์ให้ไปทำแผนการสอนค่ะ

5st recording ,Monday,February 12 ,2018

หยุดเรียนเนื่องจากไม่สบายค่ะ

4st recording,Monday,February 5,2018

นำเสนองาน 6 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่1 การสอนแบบมอนเตสซอรี่


  หลักการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีดังนี้
     จัดห้องเรียนให้เสมือนบ้านเพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นและมั่นใจให้แก่เด็กที่เพิ่งจากบ้านมาโรงเรียนครั้งแรกและเชื่อว่าในสภาพแวดล้อมคล้ายบ้าน เด็กจะพอใจที่จะเลียนแบบ (Imitation) บทบาทต่างๆ ของผู้ที่อยู่แวดล้อมเด็กได้ง่าย เพราะเด็กจะมีประสบการณ์กับบุคคลที่เขาใกล้ชิดอยู่แล้ว โดยเฉพาะพ่อแม่ เด็กเห็นพ่อแม่ทำงานบ้าน การทำตามแบบเป็นการแสดงความสามารถของเด็กที่จะนำไปใช้ในชีวิตจริงต่อไป ให้เสรีภาพกับเด็กที่จะเลือกเล่นด้วยตนเอง เป็นการสร้างความมั่นใจต่อตนเอง เด็กจะได้โอกาสแสดงความสามารถของตนเองให้คนอื่นรับรู้ได้ ตลอดจนสามารถที่จะฝึกฝน สร้าง สรรค์สิ่งต่างๆ และปรับชีวิตตนเองโดยไม่รู้ตัว มอนเตสซอรี่เชื่อว่า เด็กมีจิตใจที่ซึมซับสิ่งต่างๆจากสิ่งแวดล้อม (Absorbent mind) ได้เหมือนฟองน้ำ และเชื่อว่ามนุษย์เราเป็นผู้ให้การศึกษาแก่ตนเอง ดังเช่น เด็กเรียนรู้ภาษาแม่ได้เองโดยไม่ต้องสอนอย่างเป็นทางการ แตกต่างจากการที่ผู้ใหญ่เรียนภาษาต่างประเทศที่ต้องใช้ความพยายามมาก
  ประโยชน์
-เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ตนเอง (Self-education / Auto-education) ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเข้าใจตนเองในการเลือกวิธีการเรียนรู้ เป็นผู้ใฝ่รู้
-เด็กสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีเพราะหลักสูตรมอนเตสซอรี่ออกแบบโดยการเลียนแบบชีวิตจริง


กลุ่มที่2 ภาษาธรรมชาติ



  การสอนภาษาแบบธรรมชาติมีลักษณะดังนี้
     เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรมปฏิบัติอย่างอิสระ ครูเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ และร่วมมือจัดการเรียนการสอนร่วมกันระหว่างเด็กกับครู ตั้งแต่วางแผนการเรียนว่า จะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ใช้อุปกรณ์อะไรและใครร่วมรับผิดชอบบ้าง คำนึงถึงการมีปฏิสัมพันธ์ของเด็กกับสังคม เพราะเด็กจะต้องอยู่ในสังคม ห้องเรียนเป็นสังคมหนึ่ง ที่ครูสร้างความรู้สึกที่ดีให้เด็กอยู่ในกลุ่มเพื่อนอย่างมีความสุข โดยไม่มีกลุ่มเด็กเรียนเก่ง เรียนอ่อนในห้องเรียน

กลุ่มที่3 การจัดสารนิทัศน์


  การจัดทำสารนิทัศน์ (Documentation) เป็นการจัดทำข้อมูลที่เป็นหลักฐานหรือแสดงให้เห็นร่องรอยของการเจริญ เติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจากการทำกิจกรรมทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม ซึ่งหลักฐานและข้อมูลที่บัน ทึกเป็นระยะๆ จะเป็นข้อมูลอธิบายภาพเด็ก สามารถบ่งบอกถึงพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา สารนิทัศน์เป็นการประมวลผลที่แสดงให้เห็นถึงกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครูและร่องรอยผลงานของเด็ก จากการทำกิจกรรมที่สะท้อนถึงพัฒนาการในด้านต่างๆ การจัดทำสารนิทัศน์จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวัดและประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย ซึ่งมีหลายรูปแบบ ได้แก่
-พอร์ตโฟลิโอสำหรับเด็กเป็นรายบุคคล เช่น การเก็บชิ้นงานหรือภาพถ่ายเด็กขณะทำกิจกรรม มีการใช้แถบบันทึก เสียง แถบบันทึกภาพแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในงานที่เด็กทำ เป็นต้น
-การบรรยายเกี่ยวกับเรื่องราวหรือประสบการณ์ที่เด็กได้รับ เช่น การสอนแบบโครงการ (Project Approach) สามารถให้สารนิทัศน์เกี่ยวกับพัฒนาการเด็กทุกด้าน ทั้งประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กและการสะท้อนตนเองของครู รูปแบบการบรรยายเรื่องราวจึงมีหลายรูปแบบ อาจได้จากการบันทึกการสนทนาระหว่างเด็กกับครู เด็กกับเด็ก การบันทึกของครู การบรรยายของพ่อแม่ผู้ปกครองในรูปแบบหนังสือหรือจดหมาย แม้กระทั่งการจัดแสดงบรรยายสรุปให้เห็นภาพการเรียนรู้ทั้งหมด
-การสังเกตและบันทึกพัฒนาการเด็ก เช่น ใช้แบบสังเกตพัฒนาการ การบันทึกสั้น เป็นต้น
-การสะท้อนตนเองของเด็ก เป็นคำพูดหรือข้อความที่สะท้อนความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึกจากการสนทนา การอภิปรายแสดงความคิดเห็นของเด็กขณะทำกิจกรรม ซึ่งอาจบันทึกด้วยแถบบันทึกเสียงหรือแถบบันทึกภาพ
-ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม ที่แสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ ความสามารถ ทักษะจิตนิสัยของเด็ก ครูที่ชำนาญจะนำผลงานของเด็กมาใช้ดูพัฒนาการและกระบวนการทำงานของเด็ก


กลุ่มที่4 แฟ้มสะสมผลงาน


จุดมุ่งหมาย
1 . เพื่อใช้ในการสื่อสารกับผู้ปกครอง
2. บ่งบอกถึงความก้าวหน้าของเด็กแต่ละคน
3. เป็นสิ่งที่แสดงถึงความรับผิดชอบในหน้าที่ของครู
   การเก็บผลงานของเด็กจะไม่เป็นการประเมินผล ถ้าผลงานแต่ละชิ้นไม่ได้รับการประเมินจากครูหรือคนอื่นๆ แฟ้ม กระเป๋า กล่องหรือถุงนานาชนิดที่เก็บชิ้นงานของเด็ก โดยชิ้นงานแต่ละชิ้นไม่ได้รับการประเมินจึงมิใช่การประเมินผล แต่เป็นการเก็บสะสมผลงานเท่านั้น เช่น แฟ้มสะสมงานขีดเขียน งานศิลปะจะเป็นเพียงแค่แฟ้มสะสมงานเด็ก แฟ้มสะสมงานนี้จะเป็นเครื่องมือการประเมินต่อเมื่องานที่สะสมแต่ละชิ้นถูกใช้ในการบ่งบอกความก้าวหน้าและความต้องการของเด็ก Portfolio จึงมิใช่เป็นเพียงแฟ้มสะสมงานที่เป็นการเก็บการรายงานที่คงที่ แต่เป็นแฟ้มสะสมงานนักเรียนที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เป็นการเก็บสะสมอย่างต่อเนื่องที่สร้างสรรค์โดยครูและนักเรียน


กลุ่มที่5 การสอนแบบวอดอร์ฟ


โรงเรียนแนวการสอนวอลดอร์ฟ เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวตามมนุษยปรัชญา เพื่อพัฒนามนุษย์ให้ได้ถึงส่วนลึกที่สุดของจิตใจ เป้าหมายของการศึกษาวอลดอร์ฟคือ ช่วยให้มนุษย์บรรลุศักยภาพสูงสุดที่ตนมีและสามารถกำหนดความมุ่งหมายและแนวทางแก่ชีวิตของตนได้อย่างอิสระตามกำลังความสามารถของตัวเอง

 การศึกษาแนววอลดอร์ฟนี้จึงเน้นเรื่องของการเชื่อมโยงมนุษย์กับจักรวาล โดยมีมุมมองว่า เด็กควรได้เล่นอย่างอิสระ ชีวิตเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติ เน้นการสอนให้รู้จักจุดยืนที่สมดุลของตนในการใช้ชีวิตอยู่บนโลก โดยผ่านกิจกรรม 3 อย่างคือ กิจกรรมทางกาย ผ่านอารมณ์ความรู้สึก และผ่านการคิด เน้นการให้เด็กได้ใช้พลังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ด้านศิลปะ และด้านการปฏิบัติอย่างพอเหมาะ

กลุ่มที่6 การสอนแบบไฮสโคป



ไฮสโคป (High Scope) ใช้หลักปฏิบัติ 3 ประการ คือ
1 การวางแผน (Plan) เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติ หรือการดำเนินงานตามงานที่ได้รับมอบหมายหรือสิ่งที่สนใจด้วยการสนทนาร่วมกันระหว่างครูกับเด็ก และเด็กกับเด็ก ว่าจะทำอะไร อย่างไร การวางแผนกิจกรรมนี้เด็กอาจแสดงด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ประจำตัวเด็กหรือบอกให้ครูบันทึก เป็นกระบวนการที่เด็กมีโอกาสเลือกและตัดสินใจ
2. การปฏิบัติ (Do) คือ การลงมือทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ เป็นส่วนที่เด็กได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหา ตัดสินใจ และทำงานด้วยตนเอง หรือร่วมกับเพื่อนอย่างอิสระตามเวลาที่กำหนดโดยมีครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือในจังหวะที่เหมาะสม เป็นส่วนที่เด็กได้มีการพัฒนาการพูดและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสูง
3. การทบทวน (Review) เด็ก ๆ จะเล่าถึงผลงานที่ตนเองได้ลงมือทำเพื่อทบทวนว่าตนเองนั้นได้ปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้หรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร การทบทวนจุดประสงค์ที่แท้จริงคือ ต้องการให้เด็กได้เชื่อมโยงแผนการปฏิบัติงานกับผลงานที่ทำ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ลงมือทำด้วยตนเอง

vocabulary
Self-education การเรียนรู้ด้วยตนเอง
High Scope ไฮสโคป
Documentation สารนิทัศน์
Project Approach การสอนแบบโครงการ
Plan วางแผน


การประยุกต์ ใช้เป็นแนวการทำสารนิทัศน์และแฟ้มสะสมผลงานค่ะ

ประเมินตนเองตั้งใจฟังเพื่อนพีเซ้นค่ะ
ประเมินเพื่อน เพื่อนแต่ละกลุ่มตั้งทำใจทำงานและพีเซ้นค่ะ
ประเมินอาจารย์ อ.มาตรงเวลาและมีข้อเสนอแนะให้นักศึกษาเสมอค่ะ