วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

2 st recording,Monday,January22,2018

วันนี้เป็นการนำเสนองานที่ได้รับมอบหมายเป็นกลุ่มกลุ่มละ 3 คน จำนวน 4 กลุ่ม ได้แก่


กลุ่มที่1  คุณลักษณะตามวัย หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ปีพุทธสักราช 2560 สำหรับเด้กอายุ 3-5 ปี


กำหนดมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์จำนวน 12 มาตรฐานประกอบด้วย
1.พัฒนาการด้านร่างกาย มี 2 มาตรฐานได้แก่
     มาตรฐานที่ 1 ร่างกายเจริญเติบโตตามวัยและมีสุขนิสัยที่ดี
     มาตรฐานที่ 2 กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรงใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์
2.พัฒนาการด้านอารมณ์จิตใจ มี 3 มาตรฐานได้แก่
      มาตรฐานที่ 3 มีสุขภาพจิตดีและมีความสุข
      มาตรฐานที่ 4 ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว
      มาตรฐานที่ 5 มีคุณธรรม จริยธรรมและมีจิตใจที่ดีงาม
3. พัฒนาการด้านสังคม มี 3 มาตรฐานได้แก่
     มาตรฐานที่ 6 มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
     มาตรฐานที่ 7 รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมและความเป็นไทย
     มาตรฐานที่ 8 อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดี ของสังคมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น  ประมุข
4. พัฒนาการด้านสติปัญญา มี 4 มาตรฐานได้แก่
     มาตรฐานที่ 9 ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย
     มาตรฐานที่ 10 มีความสามารถในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้
     มาตรฐานที่ 11 มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
     มาตรฐานที่ 12 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และมีความสามารถในการแสวงหา ความรู้ได้เหมาะสมกับวัย

กลุ่มที่2  ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย 
 ความต้องการของเด็กปฐมวัย
    1.ความต้องการทางด้านร่างกาย
    2.ความต้องการทางอารมณ์
    3.ความต้องการทางสังคม
    4.ความต้องการทางสติปัญญา

กลุ่มที่3  การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
    ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจท์  (Piaget)  ได้กล่าวถึง การเรียนรู้ของ

เด็กปฐมวัยว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากการทำงานของโครงสร้างทางปัญญา  (Schemata)  เป็นวิธีที่เด็กจะเริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับสิ่งแวดล้อม    และสิ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการมี  2  อย่างคือ1.   การขยายโครงสร้าง (Assimilation)  คือ  การที่บุคคลได้รับประสบการณ์หรือรับรู้สิ่งใหม่เข้าไปผสมผสานกับความรู้เดิม2.      การปรับเข้าสู่โครงสร้าง (Accommodation)  คือการที่โครงสร้างทางปัญญาของบุคคลนำเอาความรู้ใหม่ที่ได้ปรับปรุงความคิดให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
    ไวกอสกี้  (Vygotsky, อ้างถึงใน Smith, 1997 : 25) กล่าวว่า เด็กจะเกิดการเรียนรู้ พัฒนาสติปัญญาและทัศนคติเมื่อมีการปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกับผู้อื่น  โดยที่การเรียนรู้ของเด็กจะเกิดขึ้นภายในการทำงานของ  Zone  of  proximal  development   ซึ่งเป็นสภาวะที่เด็กต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายแต่ไม่สามารถคิดแก้ปัญหาโดยลำพัง  แต่ถ้าได้รับการช่วยเหลือแนะนำจากผู้ใหญ่หรือเพื่อนที่มีประสบการณ์มาก่อน  เด็กจะสามารถแก้ปัญหานั้นและจะเกิดการเรียนรู้ได้

กลุ่มที่4  การสอนแบบโครงการ

    

  วิธีจัดการเรียนการสอนมี 4 ระยะ คือ 
ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ เด็กจะร่วมกันคิดเรื่องที่สนใจ 
ระยะที่ 2 ระยะวางแผนโครงการ เป็นช่วงเวลาที่กำหนดจุดประสงค์ว่าต้องการเรียนรู้อะไร กำหนดขอบเขตเนื้อหา ระยะเวลาและวิธีการศึกษา 
ระยะที่ 3 ดำเนินโครงการตามที่กำหนดไว้ ที่เน้นระบวนการแก้ปัญหา จัดเป็นหัวใจของการสอนแบบโครงการ เพราะเด็กจะได้รับข้อมูลใหม่จากประสบการณ์ตรงหรือเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานเพราะเด็กได้สนทนา พูดคุยกับบุคคล และสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้ ขณะเดียวกันเด็กสามารถค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลรอง (Secondary Sources) เช่น การดูวีดีทัศน์ การอ่านหนังสือ เป็นต้น 
ระยะที่ 4 สรุปโครงการ ครูและเด็กร่วมวางแผนสรุปโครงการ เป็นขั้นตอนการประเมินโครงการ ทบทวนการปฏิบัติ และวางแผนโครงการใหม่ วิธีการสรุปโครงการอาจจะให้เด็กนำผลงานที่ได้รับมอบหมายมาแสดงต่อครูแล้วอภิปรายประเด็นปัญหา หรือให้เด็กนำเสนอผลงาน ในรูปของการจัดแสดง จัดเป็นนิทรรศการ หรือสาธิตผลงาน

Vocabulary

muscle กล้ามเนื้อ
Life skills ทักษะชีวิต
intelligence สติปัญญา
Culture วัฒนาธรรม
Emotion อารมณ์

การประยุกต์ ใช้เป็นแนวทางในการสอน

ประเมินตนเอง ตั้งใจเรียนดีตั้งใจพรีเซ้นงานค่ะแต่งานที่ทำออกมายังไม่ค่อยตรงประเด้นเท่าที่ควร
ประเมินเพื่อน เพื่ีอนตั้งใจนำเสนอผลงานและตั้งใจฟังเมื่อเพื่อนออกไปนำเสนอค่ะ
ประเมินอาจารย์ อ.คอนแนะนำการหาข้อมูลต่างๆและแนะนำเนื้อหาเพิ่มเติมทำให้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น